02/03/2009

โป๊ปหวังชาวฝรั่งเศสยึดมั่นศาสนาในการดำเนินชีวิต




สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงหวัง ชาวฝรั่งเศสจะยึดมั่นศาสนา ประดุจสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับตระหนักถึงความสำคัญของศาสนา เป็นจริยธรรมขั้นพื้นฐานของสังคม โดยพระองค์ตรัสเรื่องนี้ ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อช่วงเที่ยงของวันศุกร์ที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา


โป๊ปหวังชาวฝรั่งเศสยึดมั่นศาสนาในการการดำเนินชีวิต




ภายหลังเสด็จออกจากสนามบินออร์ลี่ย์ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จต่อมายังทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพื่อร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการจากคณะรัฐบาล ทันทีที่มาถึง นิโกล่าส์ ซาร์โกซี่ย์ ประธานาธิบดี ได้นำเสด็จพระองค์ เข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว เพื่อถวายของที่ระลึกและเสวนาเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้น พระสันตะปาปา ได้เสด็จออกมาพบปะคณะรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มารอเข้าเฝ้าและรับฟังสุนทรพจน์แรกของพระองค์


ก่อนที่ ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ นิโกล่าส์ ซาร์โกซี่ย์ ได้ขึ้นมากล่าวต้อนรับพระองค์ โดยเน้นว่า ฝรั่งเศสรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มีโอกาสต้อนรับพระสันตะปาปา ขณะเดียวกัน ซาร์โกซี่ย์ ซึ่งเป็นคาทอลิกแต่ไม่เคร่งครัด และยังผ่านการหย่าร้างมาแล้ว 2 ครั้ง ได้ยอมรับว่า ศาสนาคริสต์มีบทบาทกับสังคมฝรั่งเศสทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น สังคม, วัฒนธรรม, แง่คิดต่างๆ จึงเป็นเรื่องงี่เง่ามาก ถ้าจะกีดกันศาสนาออกจากการดำเนินชีวิตของชาวฝรั่งเศส



มาฝรั่งเศส เพื่องานสมโภช 150 ปีโดยเฉพาะ

ขณะที่พระสันตะปาปา ทรงเริ่มต้น ด้วยการตรัสขอบคุณฝรั่งเศสที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พระองค์ทรงแจ้งให้ทุกคนทราบว่า จุดประสงค์หลักของการเสด็จเยือนฝรั่งเศสในครั้งนี้ เพื่อมาร่วมงานสมโภชที่ลูร์ดโดยเฉพาะ "เหตุผลหลักที่ของการมาในครั้งนี้ ข้าพเจ้าปรารถนาจะมาร่วมสมโภชแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ด ครบ 150 ปี นี่เป็นความปรารถนาของข้าพเจ้า ที่ต้องการมาร่วมยืนยันความเชื่อและความรักต่อหน้าถ้ำแม่พระ พร้อมกับผู้แสวงบุญจำนวนมากจากทั่วโลก"



ทรงแนะอย่าตัดศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต

จากนั้น พระสันตะปาปา ทรงกล่าวถึงบทบาทสำคัญของพระศาสนจักรในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส พร้อมชี้ทางออกของปัญหาสำคัญในฝรั่งเศส นั่นคือ การแยกศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต พระองค์ทรงหยิบยกข้อความในพระวรสาร มาสอนว่า ไม่จำเป็นต้องตัดศาสนาออกจากชีวิต ศาสนาและรัฐ ต่างมีจุดยืนของตนอยู่แล้ว แค่แบ่งให้ออกก็พอว่า เรื่องไหนเป็นของใคร


"ท่านประธานาธิบดี (ซาร์โกซี่ย์) เคยกล่าวไว้ระหว่างเดินทางเยือนกรุงโรมว่า รากฐานของฝรั่งเศสก็เหมือนกับชาติอื่นๆในยุโรป นั่นคือ คริสตศาสนา ประวัติศาสตร์บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ประเทศของพวกท่านได้รับสารพระวาจาของพระเจ้า แม้ว่า เอกสารสำคัญบางอย่างจะสาบสูญไปแล้ว แต่กระนั้น การดำรงอยู่ของกลุ่มคริสตชนในแค้วนกอล (Gaul - ฝรั่งเศสโบราณ) ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี"


"ในฝรั่งเศส ผู้คนจำนวนมากได้ครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรและรัฐ อันที่จริง พระเยซูทรงชี้ให้เห็นแนวทางขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำตอบของปัญหาระหว่างการเมืองกับศาสนาแล้ว พระองค์ตรัสว่า ของของซีซ่าร์ ก็จงคืนให้ซีซ่าร์ ส่วนของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้า" (หมายความว่า อะไรที่เป็นการเมือง ก็ให้อยู่ทางการเมือง อะไรที่เป็นทางศาสนา ก็ให้อยู่ทางศาสนา ไม่จำเป็นต้องตัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งทิ้งไป แค่เราแยกแยะให้ออกก็พอว่า อะไรเป็นอะไร)



มั่นใจ "รัฐฆราวาสเชิงสร้างสรรค์" ดีแน่

ฝรั่งเศสเป็นดินแดนรัฐฆราวาส กล่าวคือ มีการแบ่งแยกกิจการทางรัฐและกิจการทางศาสนาออกจากกันอย่างเด็ดขาด คนส่วนมากของประเทศนี้ เชื่อว่า แนวทางดังกล่าว เป็นหัวใจสำคัญของสังคมฝรั่งเศส แต่ ซาร์โกซี่ย์ ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ เนื่องจากเขาเชื่อว่า ฝรั่งเศสมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะศาสนา จึงได้พยายามเสนอแนวทางสร้าง "รัฐฆราวาสเชิงสร้างสรรค์" (Laicite Positive) ด้วยการสนับสนุนให้สามารถประชาชนแสดงความเลื่อมใสต่อศาสนาได้ในที่สาธารณะ


พระสันตะปาปา ทรงกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "พ่อมั่นใจอย่างยิ่งว่า แนวคิดนี้ ตั้งอยู่บนวัตถุประสงค์ที่แท้จริง และมีความสำคัญต่อรัฐฆราวาสอย่างยิ่ง ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือพื้นฐานที่ยืนยันความแตกต่างระหว่างการเมืองและศาสนา ทั้งยังปกป้องเสรีภาพในการนับถือศาสนาให้กับพลเมืองทุกคน อีกแง่มุมหนึ่ง มันยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอะไรสามารถมาทดแทนศาสนา ในการเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือการสร้างพื้นฐานจริยธรรมให้เกิดกับสังคมด้วย"


"ภายใต้เงื่อนไขรัฐฆราวาสเชิงสร้างสรรค์ พระศาสนจักรและรัฐ ต้องร่วมมือกันมอบการศึกษาให้กับเยาวชน รวมทั้งสนับสนุนให้พวกเขา รู้จักเคารพและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์" พระสันตะปาปา ตรัสอย่างจริงจัง



ทรงกังวล ช่องว่างคนรวยคนจน ถูกทิ้งห่างเหลือเกิน

พระสันตะปาปา ทรงแสดงความวิตก ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในสังคมตะวันตก ที่ถูกแบ่งแยกกว้างขึ้นไปทุกขณะ บางครั้ง คนยากไร้ ถูกกดขี่ขมเหงแบบไร้มนุษธรรม เพื่อแลกกับเงินประทังชีวิต พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตรัสถึงเรื่องนี้ว่า "ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในทวีปยุโรป เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อวิตกกังวลอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว เราต้องปกป้องคนที่อ่อนแอ และสนับสนุนความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์ทุกคน พระศาสนจักรช่วยเหลือมนุษย์ทุกคน แต่รัฐก็ต้องออกกฏหมาย มาทำลายโครงสร้างและระบบที่อยุติธรรมด้วยเช่นกัน"




ปัญหาโลกร้อน

จากนั้น พระสันตะปาปาชาวเยอรมัน ทรงกล่าวถึงปัญหาโลกร้อน พระองค์ตรัสว่า "พ่อยังกังวลปัญหาสภาพแวดล้อมของโลก พระเจ้าทรงวางใจให้เรา ได้อยู่อาศัยในสิ่งสร้างของพระองค์ ฉะนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะเคารพและปกป้องโลกให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เราต้องช่วยกันปกป้องอนาคตที่ดีให้กับลูกหลานรุ่นต่อๆไป"



กระตุ้นฝรั่งเศส เป็นพยานยืนยันถึงพระเยซูคริสต์

ท้ายสุด พระสันตะปาปา ทรงกระตุ้นชาวฝรั่งเศสทุกคน ให้กล้าเป็นพยานยืนยันถึงพระเยซูคริสต์ "ปีนี้ ฝรั่งเศสเป็นประธานสหภาพยุโรป ดังนั้น เป็นโอกาสอันดีที่พวกท่านจะได้เป็นพยานยืนยันถึงพระวรสาร เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิ่งดีงามให้เกิดกับสังคม ทั้งตัวบุคคลและส่วนรวม อาทิ สิทธิการศึกษา, สิทธิการสิ้นใจตามธรรมชาติ (ต่อต้านทำแท้งและการุญฆาต)"


หลังจากพระสันตะปาปาทรงกล่าวสุนทรพจน์เสร็จ พระองค์ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จไปเสวยอาหารเที่ยง ณ สถานเอกอัครสมณทูตวาติกัน


ส่วนตารางเวลาหลังจากนี้ พระสันตะปาปาจะพบปะผู้นำชุมชนชาวยิวในฝรั่งเศส พิธีนี้ จะมีขึ้นที่สถานเอกอัครสมณทูตวาติกัน ก่อนที่ช่วงเย็น พระองค์จะเสด็จไปพบปะคณะผู้แทนวัฒนธรรมโลก ที่วิทยาลัย เดส์ แบร์กนาร์แดงส์ ก่อนตามด้วย การเป็นประธานวจนพิธีกรรมภายในอาสนวิหารนอเตอร์เดม




ข่าวที่น่าสนใจ


- ประมวลภาพ : พิธีต้อนรับพระสันตะปาปาที่ทำเนียบปธน.ฝรั่งเศส



No comments:

Post a Comment